โยฮัน ครัฟฟ์, หลุยส์ ฟาน กัล, เอริก เทน ฮาก และชื่อที่เพิ่งถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าง อาร์เน่ ชล็อต — นี่คือกลุ่มกุนซือชาวดัตช์ที่แฟนบอลคุ้นเคยดีว่า “เชื่อมั่นในปรัชญา” และ “ยืนหยัดในแนวคิดของตัวเอง” แบบไม่ค่อยมีพื้นที่ให้ความลังเล
แต่ในโลกฟุตบอล ความมั่นใจและความตรงไปตรงมา ไม่ได้แปลว่าจะพาไปสู่ความราบรื่นเสมอไป เพราะเมื่อใดที่ความ “ตรง” มันเลยเส้นไปสู่ความ “แข็ง” สิ่งที่มักตามมาแบบหลีกเลี่ยงยากคือความไม่พอใจในหมู่นักเตะ การกระทบกระทั่งกับบางคน และกลายเป็นปัญหาในห้องแต่งตัว
คำถามคือ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่หลายคนเป็นชาวเนเธอร์แลนด์เหมือนกัน? มันเกี่ยวข้องกับฟุตบอลล้วน ๆ หรือโยงไปถึงแนวคิดการทำงานและวัฒนธรรมของคนดัตช์ด้วย? มาติดตามไปพร้อมกัน

กำเนิดรากฐานบอลดัตช์
โลกฟุตบอลมีแท็กติกและไอเดียใหม่ ๆ ผุดขึ้นแทบทุกวัน แต่มีแนวคิดหนึ่งที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว และครั้งหนึ่งเคยเป็น “ของแปลก” สำหรับยุคนั้น ทว่ายังหยิบมาใช้ได้เสมอในฟุตบอลทุกยุคทุกสมัย นั่นคือ “โททัลฟุตบอล”
โททัลฟุตบอลมีภาพจำคือระบบ 4-3-3 เป็นหลัก (แม้อาจปรับตามความเหมาะสม) แต่แก่นสำคัญคือการลดการพึ่งพานักเตะคนใดคนหนึ่งให้น้อยที่สุด และเพิ่มการเล่นเป็นทีมให้มากที่สุด ผู้เล่นทุกคนต้องวิ่งขึ้นลงได้ ต้องทดแทนตำแหน่งกันได้ และต้องเข้าใจระบบแบบเดียวกันทั้งทีม
ผู้วางรากฐานแนวคิดนี้คือ ไรนุส มิเชลส์ กุนซือชาวดัตช์ผู้ได้ฉายา “นายพล” หรือ “ก็อดฟาเธอร์” แห่งวงการบอลดัตช์
นิโก สคีปเมเกอร์ (Nico Scheepmaker) นักเขียนชาวดัตช์อธิบายแก่นของโททัลฟุตบอลว่า ในระบบนี้ “ทุกคนต้องเล่นให้ได้” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เก่งมาจากไหน หรือมีสถานะระดับไหนก็ตาม และหลักการที่เข้มขนาดนี้เอง ที่ทำให้ความขัดแย้งระหว่างโค้ชกับนักเตะเกิดขึ้นเป็นประจำตั้งแต่ยุคบุกเบิก
ตัวอย่างคลาสสิกคือความสัมพันธ์ระหว่าง มิเชลส์ กับนักเตะอัจฉริยะอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในเรื่องการทำงาน เคยมีเหตุการณ์ที่สะท้อน “การปกครองแบบนายพล” ของมิเชลส์อยู่ชัดเจน เมื่อมีบันทึกว่า
“ในวันที่ทั้งโลกพูดว่า ครัฟฟ์ คือนักเตะเทวดา แต่ไรนุส มิเชลส์กลับเลือกนักเตะที่ดีที่สุดในแบบของเขาเป็นคนอื่น… คนนั้นคือ พีท ไกเซอร์ (Piet Kiezer)”
มิเชลส์เคยไล่ครัฟฟ์ออกจากการซ้อม ขณะเดียวกันครัฟฟ์ก็เคยด่ามิเชลส์ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีม แต่เรื่องนี้ไม่ได้จบแบบพังพินาศ เพราะมีการเล่าว่าทั้งคู่ “ตีกันแต่เคารพกัน” มันคือความสัมพันธ์แบบ Tension Creative หรือ “ความตึงเครียดเชิงสร้างสรรค์” ที่เหมือนกดดันและขัดแย้งกันเพื่อผลักให้เกิดการคิดนอกกรอบ และค้นหาแนวทางใหม่ ๆ ให้ทีม
เมื่อครัฟฟ์ก้าวขึ้นมาเป็นโค้ช เขาก็เข้มงวดเรื่องระบบ และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ต่างจากมิเชลส์ มีวลีทองของครัฟฟ์ที่สะท้อนบุคลิกนี้ได้ชัดมากว่า
“ฟุตบอลของผมไม่ต้องการคนเห็นด้วยกับผม แต่ต้องการคนที่เข้าใจว่าผมถูกต้องในเรื่องฟุตบอล”
ถ้ากุนซือสายนี้ยึดมั่นในแนวคิดเมื่อไหร่ พวกเขาพร้อมเชื่อในมันเต็มร้อย และพร้อมมีปัญหากับคนที่ทำให้ระบบของพวกเขาสั่นคลอนเสมอ ตราบใดที่อีกฝ่ายยังหักล้างด้วยเหตุผลไม่ได้
นี่จึงเป็นเหมือน “กลิ่นอาย” ที่ส่งต่อมายังกุนซือดัตช์รุ่นหลัง แม้จะห่างกันหลายรุ่นและกินเวลามากกว่า 50 ปี (มิเชลส์โด่งดังยุค 1960–1970) ทั้งด้านแท็กติกและการปกครองคน เช่น
- ด้านแท็กติก: ทีมของโค้ชดัตช์มักต้องการเป็นฝ่ายครองบอล และยึดหลัก 4-3-3 เป็นฐาน
- ด้านการบริหารนักเตะ: พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนิทจนเป็น “เพื่อน” แต่ก็ไม่แข็งกร้าวแบบชนชั้นวรรณะ สิ่งที่ต้องการไม่ใช่ความเคารพแบบยอมจำนนทั้งหมด แต่คือการให้นักเตะ “เข้าใจฟุตบอลของเขา” และยอมเล่นในแบบที่เขาเห็นว่าถูกต้อง
คำถามต่อมาคือ ทำไมกุนซือดัตช์จำนวนมากยัง “ออกทรงเดิม” อยู่เรื่อย ๆ? นี่เป็นเรื่องบังเอิญ หรือมันมีรากที่ลึกกว่านั้น?
ฟุตบอลสไตล์ดัตช์ โดยชาวดัตช์
ความหัวแข็ง ความเชื่อมั่นในปรัชญา และความพร้อมปะทะ คือภาพที่เราเห็นจากโค้ชดัตช์หลายคนที่กล่าวชื่อไปแล้ว ผู้เขียนจึงพยายามมองหาเหตุผลสนับสนุน และพบงานวิจัยที่น่าสนใจมากจากมหาวิทยาลัยไลเดน (Leiden University) สถาบันชื่อดังของเนเธอร์แลนด์ ที่ถูกสรุปเป็นบทความชื่อ “Dealing with the Dutch” (ตำราการรับมือกับชาวดัตช์)
ใจความโดยรวมอธิบายสั้น ๆ ได้ว่า โดยทั่วไปชาวดัตช์มักถูกมองว่า
- พูดตรงไปตรงมา
- ยึดมั่นแนวคิดความเท่าเทียม
- และมี “ระดับอำนาจต่ำ” (low power distance)
คำว่า “ระดับอำนาจต่ำ” หมายถึง คนที่อยู่สถานะต่ำกว่ารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ห่างจากผู้มีอำนาจมากนัก และผู้มีอำนาจก็ไม่ได้ถือว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นมากจนแตะต้องไม่ได้ ผลที่ตามมาคือการปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกว่า และ “ท้าทายผู้มีอำนาจได้ง่ายกว่า”
พอโยงเข้าฟุตบอล ภาพมันชัดขึ้นทันที: เราเห็นตัวอย่างตั้งแต่การถกเถียงของมิเชลส์กับครัฟฟ์ ไปจนถึงเหตุการณ์ยูโร 1988 ที่มิเชลส์เคยมีปัญหากับ “3 ทหารเสือ” อย่าง แฟรงก์ ไรจ์การ์ด, รุด กุลลิต และ มาร์โก ฟาน บาสเทน ในเรื่องตำแหน่งและแนวทางการเล่น แต่สุดท้ายก็ยังร่วมมือกันจนได้ผลงานตามเป้าหมายคือแชมป์ยุโรป
ชาวดัตช์มักถูกพูดถึงว่า “พูดตรง” การสื่อสารจึงมักชัดเจน ไม่อ้อมค้อม และคาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องรับมือได้ ซึ่งสิ่งที่ดูปกติในวัฒนธรรมดัตช์ บางครั้งกลับ “ตรงเกินไป” สำหรับมาตรฐานของชาติอื่น
เมื่อโค้ชดัตช์นำสไตล์นี้มาใช้กับนักเตะเต็มรูปแบบ แรงเสียดทานจึงเกิดได้ง่าย ฟาน กัลขึ้นชื่อว่าไม่อ้อมค้อม ตำหนิแบบเปิดหน้า จนบางคนรู้สึกว่าศักดิ์ศรีถูกลดทอน ยืนยันได้จาก อังเคล ดิ มาเรีย ที่ออกมาโจมตีฟาน กัลผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้ง แม้ร่วมงานกันเพียงซีซั่นเดียว
เทน ฮากเองก็มีภาพ “ตรงถึงแก่น” เช่น การตัด เจดอน ซานโช่ และซีเนียร์เบอร์ 1 อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกจากทีมในแบบแข็งกร้าว
ส่วนอาร์เน่ ชล็อต แม้บุคลิกจะดูนิ่มกว่า แต่ก็ขึ้นชื่อว่า “ขวานผ่าซาก” เรื่องแท็กติกและบทบาทนักเตะ และในซีซั่น 2025–26 ภาพความเป็นชาวดัตช์ของเขายิ่งชัด เมื่อมีการวิจารณ์เชิงลบผ่านสื่อ เช่น กรณีตำหนิ อูโก้ เอกิติเก้ ว่า “โง่” หลังถอดเสื้อฉลองประตูจนโดนใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
คำพูดและวิธีการแบบนี้อาจทำให้นักเตะจากบางวัฒนธรรม—โดยเฉพาะอังกฤษหรือกลุ่มละติน—รู้สึกว่า “แรงเกินไป” แม้ในมุมคนดัตช์จะมองว่าเป็นการสื่อสารปกติ และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โค้ชซึ่งประสบความสำเร็จในลีกดัตช์ เมื่อมาทำงานในอังกฤษกลับล้มเหลวหลายราย ไม่ใช่แค่ชื่อใหญ่ที่ยกมา แต่ยังรวมถึงโค้ชคนอื่นอย่าง ฟิลิปป์ โคคู, แฟรงก์ เดอ บัวร์, รุด กุลลิต และ โรนัลด์ คูมัน ด้วย
ความเชื่อมั่นในหลักการของตัวเอง
นอกจาก “อำนาจต่ำ” อีกสิ่งที่คนดัตช์เด่นมากคือความเป็นปัจเจกนิยม หรือพูดให้เข้าใจง่ายคือ “การเชื่อมั่นในหลักการของตัวเอง”
หลายคนจึงเติบโตมากับแนวคิดประมาณว่า “ความคิดของฉันถูกต้อง ถ้ามีเหตุผลรองรับ” โค้ชฟุตบอลชาวดัตช์จำนวนมากจึงเป็นกุนซือที่เชื่อในระบบของตัวเอง ให้ความสำคัญกับโครงสร้าง วิธีซ้อม และรายละเอียดเชิงแท็กติก และไม่ค่อยยอมปรับเพียงเพื่อเอาใจนักเตะระดับสตาร์
เมื่อความเชื่อมั่นสูง ๆ มาชนกับการสื่อสารแบบตรง ๆ โอกาสปะทะกับนักเตะที่ทัศนคติไม่ตรงกันจึงยิ่งเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้แปลว่าคนดัตช์นิสัยแย่กว่าชาติอื่น ๆ พวกเขาแค่ “มีเอกลักษณ์สูง” อาจปากจัดหรือทำให้คนไม่สบายใจได้ แต่โดยทั่วไปโค้ชดัตช์จะไม่ทำอะไรแย่ ๆ แบบไร้เหตุผล ทุกอย่างอยู่บนตรรกะและความตรงไปตรงมา ไม่ใช่การบ่อนทำลายโดยไม่มีที่มา
ดังนั้นปัญหาห้องแต่งตัวของกุนซือดัตช์หลายคน จึงมักเกิดจาก “รูปแบบการสื่อสาร + ความละเอียดสูง + ความจริงจังเชิงระบบ” มากกว่าจะเป็นเรื่องนิสัยส่วนตัวล้วน ๆ
และถ้ามองอย่างเป็นกลาง เหรียญมีสองด้าน ความเข้มและความจริงจังของชาวดัตช์ไม่ได้พาไปสู่ความแตกหักเสมอไป เพราะกับนักเตะบางประเภท พวกเขากลับเข้ากันได้ดีมาก และพาทีมประสบความสำเร็จได้จริง
ลองนึกภาพนักเตะที่จริงจังเรื่องระบบแบบเยอรมัน เช่น บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม และ โธมัส มุลเลอร์ ซึ่งทั้งหมดต่างชื่นชมฟาน กัลอย่างมากในช่วงทำงานร่วมกันที่บาเยิร์น มิวนิค
แต่ในอีกมุม นักเตะที่เล่นด้วยสัญชาตญาณสูงและสบาย ๆ แบบอิตาลีอย่าง ลูก้า โทนี่ กลับมองฟาน กัลคนละแบบ และเกลียดเขาเข้าไส้ ทั้งที่อยู่ทีมเดียวกับ ชไวน์สไตเกอร์, ลาห์ม และมุลเลอร์ด้วยซ้ำ
บทสรุปของเรื่องนี้
สรุปแล้ว คนดัตช์ “แข็งแกร่ง” แต่ก็ “ดื้อ” และไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียด คุณต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า วัฒนธรรมแบบดัตช์นี่เองที่ทำให้ฟุตบอลเนเธอร์แลนด์เป็นชาติที่ออกแบบ “ระบบ” ได้ชัดเจนที่สุดชาติหนึ่งของโลก
แม้ทุกวันนี้คุณยังได้ยินคำว่า โททัลฟุตบอล, Position Play หรือแม้แต่ติกิ-ตากะของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งก็มีรากการต่อยอดจากฟุตบอลแบบครัฟฟ์ ผู้วางฐานให้ระบบเยาวชนของบาร์เซโลนา
ในประเทศที่ “การเถียงคือวิถีการคิด” การปะทะจึงไม่ใช่ปัญหา แต่มันคือพลังขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรม นั่นทำให้ฟุตบอลดัตช์ไม่เคยหยุดนิ่ง ถึงแม้จำนวนแชมป์ระดับเมเจอร์จะน้อยกว่าความยิ่งใหญ่เชิงแท็กติกที่ควรได้รับ แต่พวกเขาคือชาติที่โลกฟุตบอล “ต้องฟัง” ทุกครั้งที่พวกเขาลงมือทำ
เพราะท้ายที่สุด ความดื้อแบบดัตช์ คือเส้นเลือดของฟุตบอลสมัยใหม่ — และนี่คือเครดิตที่วงการฟุตบอลต้องยกให้กับ “จอมดื้อ” เหล่านี้
บทสรุป
กุนซือดัตช์มักมีปัญหาในห้องแต่งตัว ไม่ใช่เพราะ “นิสัยแย่” แต่เพราะวัฒนธรรมการสื่อสารที่ตรงมาก + ความเชื่อมั่นในหลักการ + ความเข้มงวดด้านระบบ เมื่อเจอกับนักเตะต่างวัฒนธรรมจึงเกิดแรงเสียดทานง่าย ทว่าด้านกลับกัน ความดื้อและความจริงจังนี่เองที่ผลักฟุตบอลดัตช์ให้เป็นชาติผู้สร้างนวัตกรรมแท็กติกที่โลกต้องยอมรับเสมอ — สำหรับแฟนบอลที่อ่านเกมเชิงแท็กติกเพื่อนำไปวิเคราะห์ก่อนการแข่งขัน UFA777 และ UFA777 เว็บแทงบอล ก็เป็นอีกทางเลือกที่หลายคนใช้ติดตามราคาและตลาดเดิมพันให้สอดคล้องกับบริบทของเกมมากขึ้น
แหล่งอ้างอิง
https://www.universiteitleiden.nl/en/news/2016/08/dealing-with-the-dutch
https://geerthofstede.com/culture-geert-hofstede-gert-jan-hofstede/6d-model-of-national-culture
https://journals.sagepub.com/doi/10.1177/0143831X07079351?utm_source=chatgpt.com
https://www.thesportsman.com/articles/dutch-delight-how-holland-won-the-1988-european-championships
https://thefootballfaithful.com/euro-88-remembering-the-iconic-holland-xi-that-etched-themselves-into-football-folklore/
https://www.givemesport.com/1704902-rinus-michels-how-the-godfather-of-dutch-football-delivered-the-netherlands-euro-1988